โครงการ Care the Bear

       ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาใหญ่ของโลกใบนี้ ซึ่งมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากความถี่และความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก จึงเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศทั่วโลกที่ต้องเร่งแก้ปัญหา

          จากข้อมูลของ Climate Watch Data¹ ซึ่งได้รายงานเมื่อ 10 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมานี้ ได้สรุปข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2560 ว่าทุกประเทศทั่วโลกได้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง  48,939.71  ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2e)  และประเทศไทยเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 432.22 MtCO2e คิดเป็นอันดับที่ 20 ของโลกมีสัดส่วน 0.88% ของทั้งโลก และเป็นลำดับที่ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก ได้แก่ จีน (11,705.81 MtCO2e) รองลงมาเป็นสหรัฐอเมริกา (5,794.35 MtCO2e)  ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้มีสัดส่วนมากกว่า 35.76% ของทั้งโลก สำหรับในประเทศไทยภาคที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดคือภาคพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 61.11% รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรม 16.67% ภาคการเกษตร 15.96% และภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน 3.31% และการจัดการของเสีย 2.95%และในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทย มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเฉลี่ยต่อคนที่ 6.21 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tonCO2e) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานของประชากรโลก²เพียง 3.57% ซึ่งปล่อยอยู่ที่ 6.44 tonCO2e นับได้ว่าเป็นต้นเหตุของสภาวะโลกร้อน  ซึ่งการแก้ปัญหานี้จะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมต้องมีการประเมินและวัดผลได้ ดังนั้นการทราบถึงปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ  ของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้พลังงาน การเกษตร การพัฒนาและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง การตัดไม้ทำลายป่า หรือแม้กระทั่งการจัดงานอีเว้นท์ที่ต้องมีการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งส่วนของการจัดงานและการพักแรม การเดินทางของผู้เข้าร่วมงาน การใช้พลังงานในการปรุงอาหาร สิ่งเหลือทิ้งจากการจัดงาน ล้วนเป็นเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตและนับวันปัญหาดังกล่าวก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น           

ctb

  
          ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงริเริ่มโครงการ “Care the Bear” ภายใต้แนวคิด “Change the Climate Change” ตั้งแต่ปี 2561 โดยร่วมกับพันธมิตร ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และธุรกิจเพื่อสังคม ช่วยกันขับเคลื่อนการลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดกิจกรรมขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม onsite หรือ online เช่น การประชุม การอบรม การจัดงาน event  งานมอบรางวัล การประชุมผู้ถือหุ้น กิจกรรม CSR  เป็นต้น โดยใช้หลักการ 6 Cares  มุ่งเปลี่ยนแปลงในมิติของผู้บริโภคให้มีส่วนช่วยลดโลกร้อน ซึ่งสอดคล้องกับ Sustainable Development Goals (SDGs) ข้อที่ 13 “Climate Action”

unnamed-11_1

 

          ปัจจุบันโครงการ Care the Bear มีองค์กรพันธมิตรกว่า 240 องค์กร (ข้อมูล ณ มีค.2565)  และได้ร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว13,325 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเทียบเท่าการดูดซับ CO2 / ปีของต้นไม้จำนวน 1,480,657 ต้น (ข้อมูล ณ มีค.2565)  โดยมีองค์กรภาคีหลัก คือ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และพันธมิตรอื่นร่วมขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียน บริษัทจำกัด หน่วยงานภาครัฐ สมาคม สถาบันการศึกษา โรงแรม สถานที่จัดการประชุม และกิจการเพื่อสังคม

          โครงการ Care the Bear จะเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยสร้างจิตสำนึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสมาชิกในองค์กร หรือชุมชน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยผลที่ได้จากการคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกนี้สามารถเปิดเผยในรายงานประจำปี และรายงานความยั่งยืนขององค์กรได้ ซึ่งหลักการคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นไปตามมาตรฐานองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

องค์กรใดที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการจะไม่สามารถเข้าไปกรอกข้อมูลในสูตรการคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกได้ 

 

 ที่มา  :  ข้อมูลจาก climate watch data เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 โดยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนี้เป็นข้อมูลล่าสุดในปี 2016 (พ.ศ. 2559) ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงในปี 2559  ปีเดียวกันทั้งหมด โดยมี Link ข้อมูลอ้างอิง ดังนี้ 

https://www.climatewatchdata.org/ghg-emissions
http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/01.aspx
https://www.google.com/publicdata/explore?ds=d5bncppjof8f9_&met_y=sp_pop_totl&idim=world:Earth&hl=th&dl=th

ภาคธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ

รู้จัก โครงการ Care the Bear