Care the bear Act Now‼️ แจกคู่มือปรับทิศบ้าน ลดใช้พลังงานช่วง Work From Home

 

-04_1

แจกคู่มือปรับทิศบ้าน ลดใช้พลังงานช่วง Work From Home 

แน่นอนว่าวิกฤตสภาวะโลกร้อนในปัจจุบันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นได้ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งหลาย นี่จึงเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรจะหันมาแสดงความรับผิดชอบและร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาโลกใบนี้เอาไว้ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมกับองค์กรพันธมิตรดำเนินโครงการ Care the Bear “Change the Climate Change” โครงการที่จะมาชวนทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกู้โลกผ่านคู่มือลดโลกร้อนทั้ง 10 ตอน ที่เหมาะทำเองก็ง่าย บอกต่อก็ดี ที่สำคัญ ช่วยโลกได้แน่นอน!

EP แรกเริ่มต้นด้วย ‘เรื่องบ้าน ๆ’ ที่เราจะมาร่วมกันปรับเปลี่ยนบ้านเพื่อให้อยู่แล้วเย็นดี แบบไม่เปลืองค่าไฟ! แน่นอนว่านอกจากพื้นที่สำนักงานแล้ว ในช่วง Work From Home แบบนี้ บ้านหรือห้องพักของเราก็ถูกทำให้เป็นสถานที่ทำงานอีกแห่งหนึ่งไปโดยปริยาย รวมถึงยังเป็นพื้นที่ที่เราใช้เวลาอยู่มากที่สุด แต่ในการนั่งทำงานในแต่ละวันนั้น เรื่องสภาพแวดล้อมก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่ออารมณ์และความคิดของเราที่จะสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น เราจึงควรปรับทัศนียภาพของบ้านเราให้เหมาะแก่การทำงานและพึ่งพาพลังงานจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุดอีกด้วย

วันนี้พี่หมีจึงมีกรีนทิปส์เล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากพวกเราชาว Work From Home ให้ได้ไปปรับใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตกแต่งหรือปรับตำแหน่งการวางทิศทางสิ่งต่าง ๆ ในบ้าน เพื่อที่จะทำให้เราหันมาพึ่งพาแสงสว่างและความเย็นสบายจากธรรมชาติได้ยิ่งขึ้น และส่งผลต่อการช่วยประหยัดพลังงานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านนั่นเอง ที่สำคัญ ถูกหลักฮวงจุ้ยก็มา! เอาล่ะ ชาวมนุษย์ทำงานอย่ารอช้า มาลงมือปรับเปลี่ยนบ้านของเรากันเถอะ!

-02
รับแสงไม่รับแดด 
#เลือกทิศหลบแดด ด่านแรกคือการเลือกทิศของห้องหรือมุมทำงานของเราให้ไม่โดนแดดส่องเลยล่ะ อย่าลืมว่าสิ่งที่เราต้องการคือแสงสว่างไม่ใช่แสงแดด จึงควรจะเลือกหันหน้าออกทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะเป็นทิศที่จะได้รับแสงตลอดวันโดยไม่ได้รับแดดจ้าโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดความร้อนจากแดดได้

#หลีกเลี่ยงพื้นที่สะท้อนแสง การจัดมุมควรเลือกมุมที่มองเห็นวิวและเป็นมิตรต่อสายตา และหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้พื้นผิวอาคาร ป้ายต่าง ๆ ที่อาจสะท้อนแสงแยงตาเรา รวมถึงการเลือกวัสดุในการตกแต่งห้องเราก็ควรจะเลือกเป็นวัสดุสีสว่างเพื่อให้ห้องสว่างมากขึ้นและเพิ่มความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าให้กับเราได้

ป้องกันรังสีUV เรื่องที่ควรระวังคือแสงที่อาจทำร้ายสายตาและผิวหนังของเรา เพราะเจ้ารังสียูวี (UV) ในแสงแดดมีส่วนทำลายเซลล์ผิวหนังอันนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น เราจึงควรปรับแต่งบ้านของเราให้ทนต่อรังสี UV ด้วย เช่น การติดฟิล์มกรองแสงที่ช่วยป้องกันรังสีความร้อนได้มากถึง 99% นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยลดค่าความร้อนจากแดด ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักน้อยลงอีกด้วย (ดีต่อสุขภาพและกระเป๋าเงิน!) 



-03

เย็นไว้นะโยม! #ลมมาค่าไฟลด ช่วงฤดูร้อนเช่นนี้แน่นอนว่า 'ลม' เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะต้องเรียกหา สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับทิศทางลมคือ ลมนั้นจะพัดมาทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้นั่นเอง ดังนั้นแล้ว ในพื้นที่บริเวณทิศนี้จึงไม่ควรเอาของไปวางบังทางลม หรือหากจะปลูกต้นไม้เพื่อบังแดด (ซึ่งเป็นทิศที่สมควร) ก็ควรจะเป็นต้นไม้สูงหน่อย เพื่อให้ส่วนพุ่มด้านบนนั้นบังแดด แต่ในส่วนระยะลำต้นก็มีช่องว่างพอที่จะให้ลมพัดเข้ามาในบ้านได้

ต้นไม้ร่มใจร่มเย็น แน่นอนว่าการเลือกปลูกต้นไม้นั้นมีผลดีในการให้ร่มเงาและความเย็น แต่ แต่ แต่! การเลือกปลูกต้นไม้อย่างถูกทิศทางจะช่วยให้บ้านเราร่มเย็นและรอดพ้นจากแสงแดดได้มากขึ้น ทิศที่เหมาะแก่การปลูกต้นไม้คือทิศตะวันตกและทิศใต้ เนื่องจากทิศใต้เป็นทิศที่มีแสงแดดเข้าตลอดทั้งวันและทิศตะวันตกเป็นทิศที่มีแดดจัดตลอดทั้งช่วงบ่าย (ซึ่งแดดช่วงบ่ายแรงกว่าช่วงเช้ามาก ๆ!) ดังนั้นแล้ว การเลือกปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาในทิศที่ถูกต้องจึงช่วยลดความร้อนภายในบ้านได้มากขึ้น และทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลงอีกด้วย 

-01

บ้านนี้อยู่แล้วเฮงดี ไม่มีร้อน #ปังปังปังพลังน้ำเรียกโชค รู้หรือไม่ว่าพลังน้ำถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความโชคดี สำหรับใครที่เป็นสายมูก็เชิญหาแหล่งน้ำเล็ก ๆ มาแต่งประดับได้เลยจ้า และที่สำคัญ! การตั้งน้ำพุหรือแองน้ำเล็ก ๆ ในบ้านหรือที่ทำงานของเรายังช่วยความเย็นชุ่มชื้นและเสียงน้ำจะช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

#ต้นไม้เขียวเหนี่ยวโชค สุดปังรับพลังสองเด้งกันไปเลย ทั้งการเพิ่มมุมสีเขียวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านและในเรื่องของฮวงจุ้ย! สายมูทั้งหลายเชิญมุงทางนี้ได้เลย เพราะต้นไม้มงคลหลาย ๆ ต้นก็มีคุณสมบัติในการช่วยฟอกอากาศและดูดซับมลพิษได้อย่างดี เช่น ต้นลิ้นมังกรที่มีทั้งแบบแคระและแบบกระถางตั้งพื้น นอกจากจะมีคุณสมบัติในการฟอกอากาศแล้วยังเชื่อว่าจะช่วยป้องกันสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาอีกด้วย เศรษฐีเรือนใน ไม้มงคลที่ขึ้นชื่อเรื่องโชคลาภ อีกทั้งยังช่วยดูดซับมลพิษได้ดีทีเดียว พลูด่าง ต้นไม้ยอดนิยมที่ขนาดกระทัดรัด ช่วยดูดซับมลพิษได้ และเป็นตัวแทนของความอยู่เย็นเป็นสุข ความรักและปรารถนาดีจากคนรอบข้างด้วย

ข้อคำนึงสำคัญสำหรับคนที่กำลังมองหาต้นไม้มาปลูกเพิ่มเติมในพื้นที่บ้านคือการดูแลเอาใจใส่ ทั้งการรับแสงแดดและรดน้ำ ควรเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมและเราสามารถดูแลได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งขอบอกเลยว่าต้นไม้ที่เราแนะนำไปข้างต้นนั้นก็เหมาะแก่การเลี้ยงดูในที่ร่ม ต้องการแดดเพียงรำไร และรดน้ำเพียง 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เท่านั้น เรียกได้ว่าถูกใจชาวมนุษย์ทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาแน่นอน

 แม้จะเป็นทริคเล็กน้อย แต่หากลองมองมุมกลับ ปรับมุมมองก็จะทำให้เราได้บรรยากาศใหม่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ มีพื้นที่ทำงานที่ดีขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความรับผิดชอบต่อโลกเพื่อช่วยหยุดยั้งสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้วยนั่นเอง

 และที่สำคัญ แม้ว่าปัญหาการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากจะเป็นหนึ่งปัญหาหลักที่ส่งผลให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่จนเกินกว่าพวกเราจะลงมือหยุดยั้งได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใกล้ตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่เราช่วยกันปรับเปลี่ยนเพื่อโลกได้! เมื่อเราไม่มีโลกใบที่สองรองรับ ไม่มีสิ่งแวดล้อมแบบใหม่มาทดแทน นี่จึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่จะมาร่วมกันรับผิดชอบปัญหานี้  

มาร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กับ Care The Bear Change The Climate Change ด้วยกัน เพื่อโลกนี้ที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนได้ต่อไป 

หากองค์กรไหน หรือใครสนใจ สามารถติดตามข้อมูลและร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ Care the Bear
ได้ที่ : https://climatecare.setsocialimpact.com/carethebear/member/register

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: ฝ่ายพัฒนาเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 
ติดต่อ ได้ที่ :
SocialDevelopmentDepartment@set.or.th



อ้างอิง

https://dsignsomething.com/2015/07/21/เพิ่มพื้นที่สีเขียว-กับ/

https://www.thespruce.com/increase-natural-light-in-your-home-4050531

https://topfilmthailand.com/ฟิล์มกรองแสงกับผ้าม่าน/

https://risc.in.th/knowledge/natural-light-explosure