ECO CHALLENGE พี่หมีชวน Change The World กับเรื่องใกล้ตัวที่อยากชวนเพื่อนมาเปลี่ยนโลกด้วยกัน
เมื่อพูดถึงเรื่องของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อโลกใบนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก ไกลตัว หรือต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่จะลงมือทำ แต่รู้หรือไม่ว่าแค่เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวันเรานั้นก็สามารถเปลี่ยนเพื่อโลกได้ และจะดีกว่าไหมถ้าเรามีชาเลนจ์มาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ รอบตัวได้มาเปลี่ยนด้วยกันมากขึ้น!
วันนี้พี่หมีเลยขอมาแชร์ชาเลนจ์รักษ์โลกง่าย ๆ ที่เริ่มได้ในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือการไปออกทริปเที่ยวก็ด้วย นอกจากจะเป็นการบอกต่อชวนคนรอบตัวมาทำด้วยกันแล้ว ก็ยังเป็นการวางแผนและช่วยวัดผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราด้วยนะ
ว่าแล้วก็ไม่รีรอ ไปดูกันดีกว่าว่าในชีวิตประจำวันของเรานั้นสามารถเปลี่ยนอะไรเพื่อโลกกันได้บ้าง แม้สิ่งที่เราทำนั้นอาจจะดูเล็กน้อยแต่บอกเลยว่าเมื่อรวมกันเป็นร้อยคน พันคน ก็จะสามารถรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน!
#ลดปริมาณอาหารเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก รู้หรือไม่ว่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนคือมื้ออาหารตรงหน้าเรานี่เอง หรือ 'ขยะอาหาร' (Food Waste) ที่เหลือทิ้งจากการบริโภค ซึ่งการสะสมของขยะเศษอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิด ‘ก๊าซมีเทน’ หนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า และจากสถิตินั้นพบว่าในแต่ละปี มีปริมาณขยะอาหารเหลือทิ้งมากถึง 2.5 พันล้านตันต่อปี โดยก่อนหน้านี้ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้เคยประเมินไว้ว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากอาหารเหลือทิ้งนั้นอาจมีมากกว่า 3,300 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์/ปี ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคคมนาคมทั่วโลก และมากกว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการบินกว่า 4 เท่า
เพราะฉะนั้น มากำจัดเศษอาหารเหล่านี้กันเถอะ! ทั้งอาหารที่เหลือจากการบริโภคของเราและเปลือกผักผลไม้เหลือทิ้งจากการปรุงอาหารเองก็ตาม เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่าของเหล่านี้นั้นย่อยสลายได้ พี่หมีเลยขอชาเลนจ์ทุกคนมาเปลี่ยนเศษอาหารให้ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยกัน! วิธีง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้านเพื่อลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน รวมถึงลดการหมักหมมของขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นกวนใจเราอีกด้วย
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก็สามารถหาได้ง่ายรอบตัวได้แก่ 'เศษอาหารเหลือทิ้ง-ปุ๋ยคอก-เศษใบไม้แห้ง' แบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมคือหมักใส่ถังแล้วฝังดินไว้นั่นเอง โดยใช้ถังพลาสติกเจาะรูรอบ ๆ ให้ทั่ว (เพื่อให้ระบายอากาศได้) จากนั้นใส่เศษอาหาร-ปุ๋ยคอก-ใบไม้แห้ง ลงไปในถังเป็นชั้น ๆ ตามลำดับ และปิดฝาหมักเอาไว้รอเศษอาหารเหล่านี้ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยได้เลย! ที่สำคัญ อย่าลืมหั่นอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ ด้วยก็จะดีเลยล่ะ ยิ่งชิ้นเล็กก็
Challenge Change The World แท็กทีมร่วมด้วยช่วยส่งต่อขยะ
แน่นอนว่าปัญหาขยะที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่นั้นมาจากเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มนี่เอง! เดี๋ยวก็กล่อง เดี๋ยวก็แก้ว! ปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นนี้ เราจะทำอย่างไรกันดีนะ?!
ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ เมื่อใช้เสร็จแล้วก็มาส่งต่อรีไซเคิลกันเถอะ! เพราะการผลิตบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมากในการผลิตทุกครั้งซึ่งเมื่อเทียบกับเวลาที่เราใช้งานนั้นเพียงแค่ไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าบรรจุภัณฑ์แบบ Single-use plastic หรือใช้ครั้งเดียวทิ้งนั้นจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้เราได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็อย่าลืมว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็จะยิ่งต้องเพิ่มการผลิตเพื่อมาตอบสนองความต้องการใช้ในตลาดให้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้น สถิติ ปี 2563 โดยกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพบว่า ขยะจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมีมากถึง เป็น 6,300 ตันต่อวัน ซึ่งนำกลับมาใช้ยากและบางส่วนนั้นกลายเป็นขยะล่องลอยในทะเล ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำอีกด้วย
แต่ แต่! ในปัจจุบันมีหลากหลายองค์กรที่เปิดรับพลาสติกใช้แล้วเพื่อนำไปรีไซเคิลสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงนำไปทำเป็นพลังงานด้วย ดังนั้น โอกาสของพวกเราชาวออฟฟิศมาถึงแล้ว! รวมพลังกันส่งต่อขยะเหล่านี้ให้ไปสร้างประโยชน์ได้ต่อดีกว่าที่จะถูกฝังกลบทิ้งรอการย่อยสลายเป็นร้อยปีกันเถอะ
เริ่มกันเลย! พี่หมีขอชาเลนจ์ทุกคนมาส่งต่อขยะให้จนเกลี้ยงออฟฟิศกันเถอะ! โดยเพื่อน ๆ สามารถติดตามช่องทางเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจค Won ที่เปิดรับบริจาคพลาสติกยืด, กลุ่ม Precious Plastic Bangkok, CirPlas, PoonSook.Craft ที่เปิดรับพลาสติกอย่างฝาขวดน้ำ แก้วพลาสติก และกล่องอาหารร้านสะดวกซื้อ หรือ N15 Technology และวัดจากแดง จ.สมุทรปราการ ที่รับบริจาคขยะหลายประเภทเพื่อนำไปบดย่อยทำเป็นเชื้อเพลิงทดแทนได้ ว่าแล้วก็สามารถไปติดตามที่เพจเหล่านี้กันได้เลย! รับรองว่าถ้าชาวออฟฟิศมาแท็กทีมกัน แยกขยะแล้วเตรียมส่งต่อไปสู่บ้านใหม่ต้องลดปริมาณขยะฝังกลบไปได้เยอะแน่นอน
Challenge Change The World เที่ยวแบบไม่ทำร้ายโลกอีกหนึ่งชาเลนจ์ที่ชวนเพื่อนมาท่องให้ขึ้นใจเวลาไปเที่ยวก็คือการ ‘เที่ยวแบบไม่ทำร้ายโลก’ นั่นเอง โดยเฉพาะเรื่องของการใช้วัสดุที่ย่อยสลายยากอันก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการการผลิตและการย่อยสลาย ดังนั้นแล้ว หยุดก่อนเถอะ! พี่หมีจะไม่ยอม!
เทรนด์การท่องเที่ยวค้างแรมแบบใกล้ชิดธรรมชาติในปัจจุบันได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก สายแคมป์ สายทะเล ยกมือขึ้นมาหน่อยเร็ว! คิดจะใกล้ชิดธรรมชาติแล้วก็อย่าเผลอทำร้ายธรรมชาติกันนะเพื่อน ๆ มาหยุดการสร้างมลพิษกันดีกว่า! วันนี้พี่หมีเลยขอมาชาเลนจ์ทุกคนให้เที่ยวแบบไม่ทิ้งร่องรอยทำร้ายโลกกันเถอะ!
#พกภาชนะส่วนตัว เพื่อลดการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง เรื่องของบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งนั้นอาจเป็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วแก้ว ถุง หรือจานทุกใบล้วนต้องใช้พลังงานมหาศาลในการผลิตและยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ดังนั้นการพกภาชนะของตัวเองอย่างแก้ว หลอด กระเป๋าใส่อาหาร ช้อนส้อม และถ้วยชามสำหรับประกอบอาหารก็จะช่วยลดการสร้างขยะไปได้มหาศาลเลยล่ะ
#เติมรีฟิลแทนซื้อขวดใหม่ สำหรับผลิตภัณฑ์ของใช้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสบู่เหลว ยาสระผม น้ำยาล้างมือ หรือน้ำยาล้างจานนั้นเดี๋ยวนี้เขามีแบบขวดรีฟิลเติมได้แล้วนะเพื่อน ๆ! เป็นบริการที่ตอบโจทย์เรื่องการลดขยะบรรจุภัณฑ์ได้มาก ๆ เนื่องจากบริการเหล่านี้จะให้เราสามารถนำขวดเดิมไปกดปั๊มเติมน้ำยาต่าง ๆ ได้ตลอดและจะคิดราคาตามน้ำหนักน้ำยาที่เรากดโดยไม่ต้องเสียค่าบรรจุภัณฑ์ซ้ำซ้อน ทั้งประหยัดพลังงานและประหยัดเงินในกระเป๋าไปในตัวเลยล่ะ
#กินแล้วแยกให้ถูกที่ แน่นอนว่าการไปท่องเที่ยวย่อมมาคู่กับการกินการใช้สิ่งของต่าง ๆ สิ่งที่ทุกคนจะลืมไม่ได้เลยคือการรักษาความสะอาดให้มีสภาพคงอยู่เช่นเดิมโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนและสัตว์เจ้าถิ่นอย่างที่เรามักจะเห็นข่าวสัตว์เจ็บป่วย เสียชีวิตจากขยะพลาสติกอยู่ตลอดมา ดังนั้นแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของผู้ไปเยือนอย่างพวกเราที่ต้องเก็บขยะและแยกให้ถูกประเภท หากสถานที่ที่เราไปนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อการแยกขยะสักเท่าไหร่ พี่หมีก็ขอแนะนำว่าให้เราคัดแยกเป็นขยะเปียก–ขยะแห้ง-ขยะติดเชื้อ 3 ประเภท เพื่อง่ายต่อการนำไปกำจัดและใช้ประโยชน์ต่อได้ง่ายขึ้น
#งดผลิตภัณฑ์ที่อันตรายต่อธรรมชาติ สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจหลงลืมคือ ‘สารเคมี’ ที่แฝงมากับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เราใช้ ในปี ๆ หนึ่งนั้น มีครีมกันแดดถูกชะล้างลงทะเลกว่า 6,000 - 14,000 ตัน ผลกระทบที่ว่านี้จะทำให้ปะการังฟอกขาว ขาดสารอาหารจนตายในที่สุด ซึ่งเมื่อขาดปะการังไป สัตว์ทะเลก็จะขาดอาหารและที่อยู่อาศัย ส่งผลถึงความสมดุลและการขยายพันธุ์ในอนาคตต่อไปด้วย
ดังนั้นแล้ว พี่หมีก็ขอชาเลนจ์ให้เพื่อน ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเซฟน้องปะการังกันดีกว่า ซึ่งสามารถทำได้โดยเปลี่ยนมาใช้ครีมกันแดดที่ไม่มีสารเคมีและเป็นแบบกันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ได้ครีมกันแดดถูกชะล้างลงทะเล หรือถ้าวิธีที่ปลอดสารเคมีแน่นอนก็คือใส่ชุดว่ายน้ำเสื้อผ้าที่มีแขนขายาวเพื่อปป้องกันการโดนแดดกันไปเลย
ใครที่กำลังเตรียมตัวแพคกระเป๋าออกเดินทางก็อย่าลืมดูลิสต์นี้กันด้วยนะว่าเราพกอะไรไปได้บ้างเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กำลังทำร้ายโลกนี้
เป็นยังไงกันบ้างเพื่อน ๆ อ่านจบแล้วก็อย่าลืมออกไปลงมือเปลี่ยนแปลงโลกกันนะ และที่สำคัญ อย่าลืมชวนคนในครอบครัวและเพื่อน ๆ ชาวแกงค์มาทำด้วยกันด้วยล่ะ! เพราะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรานั้นเป็นสิ่งที่รีรอไม่ได้และต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ณ บัดนาว มาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่กับ Care The Bear Change The Climate Change ด้วยกัน เพื่อโลกนี้ที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนได้ต่อไป
หากองค์กรไหน หรือใครสนใจ สามารถติดตามข้อมูลและร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ Care the Bear ได้ที่ : climatecare.setsocialimpact.com/carethebear
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: ฝ่ายพัฒนาเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดต่อ ได้ที่ : SocialDevelopmentDepartment@set.or.th
อ้างอิง
https://www.baanlaesuan.com/144482/garden-farm/farming-step-by-step/organic-fertilizer
https://www.baanlaesuan.com/203519/diy/diy101/vegetable-garden-4
https://www.greenpeace.org/thailand/story/2378/plastic-emission/