Care the Bear Act NOW!! ชวนชาวออฟฟิศปรับการเดินทางแบบใหม่ฉบับ Low Carbon

lowcarbon2-01

Care the Bear Act NOW!! ชวนชาวออฟฟิศปรับการเดินทางแบบใหม่ฉบับ Low Carbon

วันที่ฝนตกไหลลงที่หน้าต่าง เธอคิดถึงมลพิษที่ปล่อยไปบ้าง.. ไหมหนอเธอ.. ฤดูฝนรถติดแบบนี้ เจอฝนถล่มช่วงเย็นหลังเลิกงานบ่อย ๆ แบบนี้ ทำอย่างไรกันดีน้าชาวออฟฟิศ? พี่หมีจะไม่ทน! ขอมาแชร์เคล็ดลับกับเพื่อน ๆ เพื่อให้เตรียมตัวรับมือการเดินทางในทุก ๆ วันกัน เพราะนอกจากเรื่องของความสะดวกสบายที่เป็นปัจจัยหลักให้คนเลือกใช้รถส่วนตัวกันแล้ว ก็ยังมีอุปสรรคไม่คาดคิดระหว่างวัน เช่น ฝนถล่ม รถติดหนัก แดดจ้า หรือสัมภาระหนักอึ้ง อันเกิดจากการไม่ได้วางแผนของเราก่อน จนทำให้เราต้องหันไปใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ประจำทางบ้าง แทนที่จะเดินทางด้วยรถสาธารณะตามแผน ดังนั้นแล้ว หากเตรียมตัวดีก็จะมีชัยไปกว่าครึ่ง ทำให้เดินทางได้อย่างสะดวก ไม่ต้องรีบร้อน และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามที่เราตั้งใจไว้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ การผลักดันให้ผู้คนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะยังเป็นอีกหนึ่งมาตรการตามแผนการลดก๊าซเรือนกระจกอันสำคัญ ซึ่งถ้าหากมาตรการเหล่านี้สามารถบรรลุผลได้ ก็จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ถึง 41 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าเลยทีเดียว! เอาล่ะ ถึงเวลาของทุกคนแล้ว ว่าแล้วก็มาเริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลงกันดีกว่า! 

lowcarbon-02

เตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

รู้หรือไม่ว่าการหันมาใช้ขนส่งสาธารณะนั้นมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 45% หรือภาพรวมกว่า 37 ล้านเมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ดีพอ ๆ กับการเปลี่ยนไปใช้หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ (CFL) แบบประหยัดกว่า 20 หลอด ในครัวเรือนเช่นกัน

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างดีเยี่ยมคือ ‘การวางแผน’ ที่จะช่วยให้เราลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้แบบสะดวกและเดินทางได้อย่างปลอดภัยสบายใจอีกด้วย 

อันดับแรก ‘การวางแผนเส้นทาง’ ที่จะช่วยให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเดินทางได้น้อยที่สุด เพราะอย่าลืมว่าการเดินทางไปทำงานของพวกเรานั้นเป็นกิจวัตรประจำวันที่เรารู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เป็นกิจวัตรที่เรามักเดินทางด้วยเส้นทางเดิม เวลาเดิม อันสามารถคาดการณ์ได้ เช่น การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่เราคุ้นเคยนั้น จากสถิติในปี 2563 ที่ผ่านมา พบว่า รถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้กว่า 30,398 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าเลยทีเดียว  การวางแผนเส้นทางให้เหมาะสมล่วงหน้าจึงสามารถทำให้เพื่อน ๆ สามารถเดินทางได้อย่างตรงเวลาและลดภาระการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเวลาที่เร่งรีบอีกด้วย 

ต่อมา ‘การวางแผนสัมภาระ’ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพื่อน ๆ หลายคนอาจนึกไม่ถึง เพื่อน ๆ เคยประสบปัญหาของหนัก ของรก หรือพะรุงพะรังจนทำให้ต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางโดยไม่จำเป็นบ้างไหมนะ โดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้ก็อาจจะต้องขึ้นรถแท็กซี่ประจำทางหรือขับรถส่วนตัวเพื่อหลบหลีกฟ้าฝนกันบ้างล่ะ พี่หมีจึงขอแนะนำว่าสำหรับวันที่สภาพอากาศไม่เป็นใจ อย่าลืมตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน รวมถึงเพื่อน ๆ อาจต้องหลีกเลี่ยงการพกพาอุปกรณ์ไฟฟ้า แล็ปท็อป หรือเอกสารสำคัญที่เสี่ยงต่อการชำรุดเสียหาย แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็อย่าลืมวางแผนหากระเป๋าพกพาที่เหมาะกับสภาพอากาศและปริมาณของที่เราพกพานะ พี่หมีรับรองว่าจะช่วยให้ชีวิตประจำวันของเรานั้นง่ายขึ้น ประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายไปได้อีกด้วย 

รวมถึง ‘การวางแผนทริปท่องเที่ยวแบบ Low Carbon’ โดยตัวการสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือ ‘เครื่องบินโดยสาร’ ซึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 114 และคาดว่าจะยิ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนมีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกในปี 2050 ดังนั้น การเลือกเดินทางด้วยยานพาหนะที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำจึงเป็นอีกหนึ่งหนทางที่สร้างผลลัพธ์ได้อย่างดีเยี่ยม เช่น การหันไปใช้บริการรถไฟที่ปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องบินถึง 84% และน้อยกว่าการขับขี่รถยนต์กว่า 80% เลยทีเดียว

หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้บริการเครื่องบินซึ่งเป็นตัวการใหญ่ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ก็มาหาหนทางที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดกันเถอะ! โดยอาจเริ่มจากตรวจสอบน้ำหนักสัมภาระของเรา เอาไปเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะยิ่งเครื่องบินหนักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากเท่านั้น ต่อมาคือการเลือกเที่ยวบินโดยสารที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ หลายเส้นทางในปัจจุบันมีการข้อมูลแสดงเปรียบเทียบให้เราเลือกตัดสินใจได้ว่าแต่ละสายการบินใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่และมีค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่เท่าไหร่ ดังนั้นแล้ว ก็อย่าลืมเลือกใช้บริการเที่ยวโดยสารที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอัตราต่ำกันด้วยนะ

-031

Carpool แชร์รถ ทางเดียวกันไปด้วยกัน

สำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันหรือการออกทริปต่าง ๆ กับเพื่อน ๆ ในบริษัทนั้นแน่นอนว่ามักเดินทางกันเป็นหมู่คณะ เพราะฉะนั้นแล้ว ลองมามองหาเพื่อนร่วมทางรอบตัวเรากันดีกว่า! 

ทางเดียวกันไปด้วยกันนั้นดีกว่าไฉน? โดยปกติแล้ว รถยนต์คันหนึ่งนั้นมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 100 - 200 กรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อกิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์) ซึ่งหากเราปรับพฤติกรรมมาเดินทางด้วยรถคันเดียวกันได้ก็จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่าครึ่งหนึ่ง สองเท่า หรือสามเท่าตามจำนวนคนในรถเลยทีเดียว ซึ่งการแชร์รถไปด้วยกันนี้ นอกจากจะได้ประหยัดพลังงานแล้วก็ยังได้เพื่อนร่วมทางอีกด้วย

แต่พี่หมีก็ขอแชร์เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า หากเพื่อน ๆ Carpool ไปด้วยกันบ่อย ๆ จนเป็นกิจวัตรทุกวันก็ควรจะมีการตั้งข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้ทุกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมทางที่สบายใจต่อกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อจำกัดในการใช้รถ เช่น ห้ามนำอาหาร ของที่มีกลิ่นแรง หรือสัตว์เลี้ยงขึ้นมาด้วย รวมถึงช่วงเวลารับ-ส่ง ปริมาณคนและจำนวนสิ่งของพกพาเพื่อไม่เป็นการเบียดเบียนเพื่อนร่วมรถของเรา รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่รับผิดชอบร่วมกันด้วย ซึ่งพี่หมีเชื่อว่า ถ้าเพื่อน ๆ ตั้งข้อตกลงร่วมกันอย่างชัดเจนและมีความต้องการในการช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนกัน ก็จะทำให้ Carpool ของพวกเรานั้นเกิดขึ้นได้อย่างสบาย ๆ แน่นอน! 

สำหรับการออกทริป บางบริษัทอาจมีการจัดเตรียมรถเพื่อให้เดินทางไปพร้อมกันได้สะดวก แต่ในกรณีที่ต่างคนต่างเดินทางนั้น พี่หมีก็แนะนำว่าให้ไปด้วยกันดีกว่า ไปด้วยกัน ไปได้ไกลและประหยัดกว่าแน่นอน! อาจเริ่มจากการลองสอบถามและจับกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่อาศัยอยู่ในระแวกเดียวกัน เส้นทางเดียวกันที่แวะรับได้สะดวก นอกจากจะเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยกระชับมิตรกับคนในองค์กรของเราที่อาจไม่ค่อยมีเวลาคุยกันในที่ทำงานด้วยก็ได้

-02

ลดรถส่วนตัว-เพิ่มขนส่งสาธารณะ

การที่ผู้คนส่วนใหญ่หันมาใช้ขนส่งสาธารณะนั้นเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากภาคขนส่งได้อย่างดี โดยสถิติข้อมูลบัญชีก๊าซเรือนกระจกที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2560 ได้ชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมภาคขนส่งและคมนาคมนั้นมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่าร้อยละ 19.2  ซึ่งถือเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 5 ของการปล่อยทั้งหมดเลยทีเดียว

เอาล่ะ ถึงเวลาออกไปทำงานที่เรารักกัน! เมื่อพูดถึงขนส่งสาธารณะในประเทศไทย หลายคนอาจจะนึกถึงรถโดยสารประจำทางแบบพัดลมบ้าง ปรับอากาศบ้างที่จะต้องเบียดเสียดกับผู้คนมากมาย แต่ในปัจจุบันนั้นก็มีอีกหลายทางเลือกที่จะช่วยให้เราลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวได้บางส่วน อาทิ รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้า BTS เรือโดยสาร ฯลฯ 

ปัญหาหนึ่งที่หลายคนอาจพบเจอจากระบบขนส่งคือการที่รถขนส่งสาธารณะนั้นกระจายไม่ทั่วถึงแต่ละพื้นที่ทำให้หลายคนต้องเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่า พี่หมีเลยขอเสนออีกหนึ่งวิธีการแก้ปัญหานี้คือ การเดินทางแบบ 'คนละครึ่ง' ครึ่งหนึ่งรถยนต์ส่วนตัว-ครึ่งหนึ่งขนส่งสาธารณะ ก็จะช่วยให้เราช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างในปัจจุบันเองก็มีหลายโครงการของภาครัฐและภาคเอกชนที่ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนได้หันมาใช้ขนส่งสาธารณะได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น โครงการ ‘เรือต่อรถ รถต่อเรือ’ ที่รณรงค์ให้คนหันมาใช้บริการเรือเพิ่มมากขึ้น รวมถึง ‘จอดและจร’ พื้นที่จอดรถที่สนับสนุนให้คนนำรถส่วนตัวมาจอดเพื่อให้เดินทางรถสาธารณะต่อได้

นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ ‘การเดิน’ และ ‘การปั่นจักรยาน’ ที่ไร้การปล่อยคาร์บอนแน่นอน! สำหรับการเดินทางในระยะใกล้ ๆ รอบออฟฟิศของเรา หรือการเดินทางไป-กลับในแต่ละวันเองก็ตามนั้น ตัวเลือกเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพของเรา ประหยัดเวลา และไร้การปล่อยมลพิษ หลายคนอาจคุ้นชินกับการปั่นจักรยานเพื่อท่องเที่ยวหรือสันทนาการ แต่จริง ๆ แล้วนั้นเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดการแออัดของจราจร รวมถึงค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงลงไปได้อย่างมาก 

ทั้งนี้ ทิศทางการพัฒนาภาคคมนาคมและขนส่งของประเทศไทยนั้นจะก้าวไปสู่การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ก็ ต้องอาศัยความร่วมมือจากพวกเราทุกคนด้วย! ไม่ว่าจะเป็นการหันมาใช้ขนส่งสาธารณะ การใช้ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด การดูแลเครื่องยนต์ให้ปลอดภัยตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อช่วยกันลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กำลังทำลายโลกนี้ 

เอาล่ะ ถึงเวลาของทุกคนแล้ว แม้ว่าการลงมือทำของเราอาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในครั้งเดียว แต่ก็สามารถรวมกันเป็นความร่วมมือไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ มาใส่ใจโลกและร่วมปรับพฤติกรรมของเราไปกับ Care The Bear Change The Climate Change ด้วยกันเถอะ!

หากองค์กรไหน หรือใครสนใจ สามารถติดตามข้อมูลและร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ Care the Bear ได้ที่ :  climatecare.setsocialimpact.com/carethebear

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ฝ่ายพัฒนาเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ติดต่อ ได้ที่ : SocialDevelopmentDepartment@set.or.th





อ้างอิง
https://www.c2es.org/content/reducing-your-transportation-footprint/
http://www.tgo.or.th/2020/index.php/th/post/เดินทางด้วยเครื่องบินอย่างไรให้ก่อมลพิษน้อยลง-297
https://www.bangkokbiznews.com/business/910041
https://ourworldindata.org/travel-carbon-footprint
https://www.epa.gov/greenvehicles/greenhouse-gas-emissions-typical-passenger-vehicle
https://www.thailandplus.tv/archives/509314